เป็นอุทยานฯ ลำดับที่ 33 ของประเทศไทย มีเนื้อที่ประมาณ 50,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอโขงเจียม และอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบและเนินเขาเตี้ย ๆ มีแม่น้ำมูล และแม่น้ำโขงไหลผ่าน สภาพป่าทั่วไปเป็นป่าแพะหรือป่าแดง จะมีป่าดิบเฉพาะบริเวณริมห้วยใหญ่เท่านั้น ภายในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น ดอนตะนะ เป็นเกาะที่เกิดขึ้นขวางลำน้ำมูล และแบ่งลำน้ำมูลออกเป็น 2 สาย มีเนื้อที่ประมาณ 225 ไร่ สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นป่าดิบแล้ง ทางตอนเหนือของเกาะมีหาดทรายสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ สะพานแขวน เป็นสะพานที่เชื่อมฝั่งที่ทำการอุทยานฯ กับดอนตะนะ และเป็นสะพานแขวนคนเดินข้ามที่ยาวที่สุดในประเทศไทย สามารถใช้เป็นจุดชมวิวสองฟากฝั่งของแม่น้ำมูลได้เป็นอย่างดี แก่งตะนะ เป็นตอน ๆ หนึ่งของลำน้ำมูลซึ่งอยู่ถัดจากดอนตะนะ กลางแก่งตะนะจะมีโขดหินทรายขนาดมหึมาเป็นเกาะกลางลำน้ำมูล หากสังเกตโขดหินดังกล่าวจะเห็นสิ่งก่อสร้างรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งใช้เป็นเครื่องมือชี้ร่องน้ำในการเดินเรือ ในสมัยที่ฝรั่งเศสยังล่าอาณานิคม ถ้ำพระ หรือ ถ้ำภูหมาไน อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นชะง่อนผายื่นออกจากฝั่งแม่น้ำมูล ภายในถ้ำพบศิลาจารึกและแท่นศิวลึงค์ (ฐานโยนี) อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 ลานผาผึ้ง อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร เป็นพลาญหินทรายและหน้าผาชัน โดยหน้าผาจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก จึงสามารถใช้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ น้ำตกตาดโตน เป็นน้ำตกที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง เกิดจากลำห้วยตาดโตน ด้านล่างของน้ำตกเป็นแอ่งน้ำ สามารถลงเล่นน้ำได้ ทั้งนี้ ช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวคือ เดือนมิถุนายน-ตุลาคม อุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการ ราคา 1,000-2,500 บาท ค่าเข้าชม คนไทยผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท /ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท อัตราค่าบริการ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยลด 50 เปอร์เซ็นต์ วันจันทร์-วันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2558 ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท