พล.ต.ต.สรรธาน อินทรจักร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร มอบหมายให้ พ.ต.อ.พยุงศักดิ์ นามวรรณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร พร้อมด้วยชุดเฉพาะกิจให้สืบสวนจับกุมผู้ต้องหา เหตุร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืน สืบเนื่องจากวันที่ 28 ม.ค. เวลาประมาณ 20.00 น. สภ.วาริชภูมิ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าที่บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านเหล่าโพนทองขอนขว้าง หมู่ 6 ต.วาริชภูมิ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร มีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทและใช้อาวุธปืนยิงใส่กัน โดยผู้แจ้งได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โรงพยาบาลวาริชภูมิ ขณะนำตัวผู้เสียชีวิตนำส่งโรงพยาบาล ทราบชื่อต่อมาคือ นายเจ๋ง (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ต.วาริชภูมิ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร
โดยพลเมืองดีแจ้งว่าพบชายวัยรุ่น จำนวน 3 คน ซ้อนกันมาก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงไปถูกผู้เสียชีวิต และใช้รถจักรยานยนต์ มุ่งหน้าหลบหนีเข้าไปภายในหมู่บ้านเหล่า หมู่ 6 ต.วาริชภูมิ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ต่อมาวันที่ 29 ม.ค. เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานได้แล้ว จนท.ทราบที่อยู่ของวัยรุ่นที่ก่อเหตุทั้ง 3 คน จึงได้แสดงตัวเพื่อทำการตรวจค้นและจับกุม ซึ่งผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน เมื่อเห็น จนท.ตร.มีอาการตกใจ หน้าซีด ตัวสั่น
นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี (ตามภูมิลำเนา) มือยิงนำพาไปค้นหาจุดที่ฝังอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ที่ก่อเหตุซุกซ่อนบริเวณพื้นดินใต้กอไผ่หลังบ้าน เลขที่ 163 ม.6 ต.วาริชภูมิ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ซึ่งผลการตรวจค้นร่างกายของผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนนั้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ผู้ก่อเหตุและเพื่อนอีก 2 คน อายุ 20 ปี และอายุ 14 ปี ได้ให้การว่า ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยซ้อน 3 คนลงมือคือ นายเอนั่งหลังสุด ใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 ยิงไปที่นายนายเจ๋ง 1 นัด กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนสาเหตุจูงใจเกิดจากนายเอ หึงหวงเรื่องแฟนสาวกับคนหนึ่งในกลุ่มผู้เสียชีวิตจึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุยิงเข้าไปในกลุ่มฝ่ายตรงข้ามจนไปถูกนายเจ๋ง ซึ่งโดนลูกหลงเสียชีวิต ส่วนผู้ปกครองถึงกับเศร้าเสียใจจากการสูญเสียบุตรหลานไปก่อนวัยอันสมควร น้องเจ๋งยังเป็นนักกีฬาของโรงเรียนอีกด้วย
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน สภ.วาริชภูมิ ได้แจ้ง 3 ข้อกล่าวหา คือ 1.ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว 3.ร่วมกันยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน ทั้งนี้ จนท.จึงฝากเตือนไปถึงเยาวชนในเรื่องดังกล่าวที่เป็นชนวนเหตุครั้งนี้ว่า กฎหมายต้องบังคับใช้แม้แต่เยาวชนก็ต้องโดนข้อหาหนัก จึงอยากให้นึกถึงพ่อและแม่ให้มากๆ รวมถึงตัวเอง ว่าอย่าคิดคึกคะนองเพราะนอกจากถูกดำเนินคดีแล้วยังตัดอนาคตตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง