กลิ่นเลือกตั้งโชย นักการเมืองลงพื้นที่ถี่ยิบ “ลุงป้อม” ไปตรวจน้ำหน้าหนาวที่สกลนคร ส่วนสร้างอนาคตไทยเปิดตัวที่อีสาน ชาวบ้านตะโกนลั่น “นายกฯ สมคิด” ประกาศลั่นไม่สร้างแลนด์สไลด์ แต่จะสร้างสึนามิ “พิธา” นำเสนอรัฐสวิสดิการ ใช้งบ 6.5 แสนล้านรีดไขมันจากกลาโหม
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2565 รัฐบาลและพรรคการเมืองหลายพรรคมีความเคลื่อนไหวในการลงพื้นที่อย่างคึกคัก ที่ห้องประชุมภูริทัตโต รพ.ศูนย์สกลนคร อ.เมืองฯ จ.สกลนคร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจ ติดตามแผนพัฒนาหนองหาร จ.สกลนคร ซึ่งถือเป็นโครงการสำคัญในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน โดยมีนางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ให้การต้อนรับ
จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้รับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและแผนหลักการพัฒนาหนองหาร โดยเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมประมง กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสรุป หนองหารเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน และเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ทั้งเป็นแหล่งน้ำดิบ สำหรับอุปโภคบริโภค และการเกษตร การบำรุงพันธุ์สัตว์น้ำ พื้นที่ชะลอน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัย และแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณน้ำเก็บกักร้อยละ 93 ของความจุ ซึ่งในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา สามารถชะลอน้ำและเก็บกักน้ำฝนไว้ใช้ประโยชน์ในช่วงแล้งได้เป็นอย่างดี สำหรับความก้าวหน้าโครงการ ตามแผนแม่บทน้ำ 20 ปี ห้วงระยะเวลา 10 ปี (ปี 63-72) มี 62 แผนงาน โครงการ ซึ่งผลการดำเนินงาน ปี 63-65 แล้วเสร็จ 19 โครงการ สำหรับแผนปี 66 มี 30 โครงการ และแผนปี 67 อีก 34 โครงการ
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งบูรณาการขับเคลื่อนแผนงาน โครงการ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งขับเคลื่อน 13 มาตรการฤดูฝน และ 10 มาตรการฤดูแล้ง โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์พื้นที่ในการหน่วงและกักเก็บน้ำสำรองไว้ใช้เพื่อป้องกันและลดผลกระทบประชาชนในช่วงฤดูแล้งนี้ด้วย
จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้ลงพื้นที่ตรวจสภาพรอบบึงหนองหาร ณ สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา โดยมีประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้พบปะทักทายและได้กล่าวขอบคุณ พร้อมฝากความปรารถนาดีและความห่วงใยจากรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยยืนยันจะเร่งแก้ปัญหาน้ำให้ครอบคลุมทุกมิติ ผ่านกลไกการทำงานของภาครัฐ และความร่วมมือจากภาคเอกชนและประชาชน เพื่อให้ชาวหนองหารและชาวสกลนครลดผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ภัยแล้ง มีน้ำสะอาดใช้อย่างเพียงพอ และมีความอยู่ดีกินดี พร้อมทั้งจะพยายามพัฒนาบึงหนองหาร ให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งน้ำจืดที่มีคุณค่าทางธรรมชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด และคนอีสานอีกครั้งหนึ่ง
ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พรรคสร้างอนาคตไทย นำโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายสุพล ฟองงาม รองหัวหน้าพรรคและประธานภาคอีสาน เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสาน พรรคสร้างอนาคตไทย ใน 12 จังหวัด จำนวน 32 คน โดยมีสมาชิกพรรคเข้าร่วม 3,500 คน
นายกฯ สมคิด
ทั้งนี้ เมื่อนายสมคิดและแกนนำพรรคเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามาผูกเอวต้อนรับตามธรรมเนียมคนอีสาน พร้อมกับตะโกนว่า “นายกฯ สมคิด นายกฯ สมคิด” ทำให้นายสมคิดยิ้มเขินๆ จากนั้นได้มีพิธีบายศรีสู่ขวัญ โดยพ่อแก่แม่แก่ที่ขึ้นไปทำพิธีผูกข้อต่อแขนนายสมคิด คือคุณพ่อหมี สาเลศ อายุ 84 ปี ชาว อ.บุญฑริก คุณแม่เพ็ญศรี บุญเลิศสว่าง อายุ 75 ปี ชาว อ.วารินชำราบ ขณะที่พราหมณ์ผู้ประกอบพิธีคือพราหมณ์พรมมา ธิมาทา ซึ่งเป็นผู้ที่ชาวอุบลราชธานีให้ความเคารพนับถือ นอกจากนี้ยังมีตัวแทนพี่น้องจากทั่วภาคอีสานจำนวน 19 คน ขึ้นผูกข้อต่อแขนรับขวัญนายสมคิดด้วยบรรยากาศแบบเป็นกันเอง
นายสมคิดกล่าวเปิดนโยบายพรรคสร้างอนาคตไทย ตอนหนึ่งว่า การกลับมาครั้งนี้ สิ่งแรกเลย นโยบายใดๆ ที่ในอดีตตนเป็นคนกำกับดูแลและสร้างมันขึ้นมา จะสานต่อและทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีก ประชาชนมีหนี้สินทั้งนั้น เราเคยพักหนี้เกษตรกร แต่สิ่งที่จะทำต่อนั้นคือ เราจะพักหนี้ทั้งต้นทั้งดอก 5 ปี และมีมากกว่านั้น สมองของตนเหมือนสมองอิกคิวซัง ที่คิดอยู่เรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม การพักดอกต้องเติมเงินใหม่ ต้องมีสินเชื่อใหม่ ที่จะต้องไม่เอาไปหักดอกและต้น เราจะเติมเงินกองทุนหมู่บ้านให้เต็ม นโยบายที่เคยทำงานอย่างโอท็อป เราจะสานต่อ เอาการท่องเที่ยวเข้าไปในหมู่บ้าน ขณะเดียวกัน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เราคิดขึ้นมา เรามีแล้ว แต่ยังไม่บอกวันนี้ เอาไว้เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ตนไม่ได้อยู่พรรคพลังประชารัฐ และไม่เคยอยู่พรรคพลังประชารัฐ แต่สามารถคิดสิ่งที่ดีกว่าเดิมได้ ส่วนใครคิดแข่งก็ดี ประชาชนจะได้ประโยชน์ วันนี้คนอีสานเกษตรกรทั่วประเทศไม่มีเงินแล้ว เราจะใช้นโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง เกษตรกรครึ่ง รัฐบาลครึ่ง และอีกหน่อยจะประกาศอุตสาหกรรมเกษตรสีเขียวที่นี่ เกษตรแปรรูป ที่จะทำให้คนอีสานอยู่ได้
“วันนี้นักการเมืองไหนอย่าไปพูดว่าประชาธิปไตยหรือเผด็จการ เราทุกคนอยู่บนประชาธิปไตยทั้งนั้น อยู่ที่นโยบาย ถามประชาชนเชื่อพรรคไหน ถ้าเชื่อสมคิด มั่นใจพรรค เลือกสร้างอนาคตไทยพรรคเดียว ให้รู้ว่าพรรคที่ไม่ซื้อหัวละ 50 จะอยู่ไม่ได้ เราจะสู้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ต่อสู้อุดมการณ์ของเรา เราไม่สร้างแลนด์สไลด์ แต่เราจะสร้างสึนามิเลย มา จ.อุบลราชธานีไม่ได้มาพูดเล่นๆ แต่ต้องการให้เสียงของตนไปทั้งอีสานเลย อย่าดูถูกคนอีสาน อย่าคิดว่าเงินซื้อได้ วันนี้ตนจะต่อรองกับเขา ระหว่างเงิน 500 1,000 กับอนาคตลูกหลานของคุณ จะเลือกอะไร” นายสมคิดกล่าว
นายสุพล ฟองงาม รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และประธานภาคอีสานของพรรค กล่าวระหว่างเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสานของพรรคจำนวน 32 คน ตอนหนึ่งว่า ขอเล่าเหตุการณ์ 16 ปีแห่งความขัดแย้ง ตั้งแต่ปี 48 เกิดม็อบไล่รัฐบาล จนถึงทุกวันนี้พรรคการเมืองเถียงกันเป็นคนละฝ่าย สาดสีใส่กัน 8 ปีฉิบหายพอแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนกำลังจะบอกพี่น้องว่า ตัดสินใจเที่ยวนี้เป็นสงครามเที่ยวสุดท้ายทางการเมือง เป็นพรรคสุดท้ายแล้ว ไม่มีอีกแล้ว พอแล้ว
ผมขอโทษ ผิดไปแล้ว
“ผมขอโทษพี่น้องประชาชน ผิดไปแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ใส่เสื้อแดง ผมเคยเป็นประธานเสื้อแดง แต่ตอนเผาบ้านเผาเมืองไม่ได้สั่ง ตอนนี้เวลาดูแผนที่ประเทศไทยทางการเมือง เจ็บปวด แผนที่อีสานกับเหนือสีแดง ภาคกลาง ภาคตะวันออก สีเหลือง แดงแจมหน่อยๆ ภาคใต้เป็นสีเหลือง ผมเจ็บปวด ประเทศไทยต้องไม่มีแบ่งสี ไม่สามารถแบ่งประเทศได้โดยสี เพราะเราเป็นคนไทยเหมือนกัน อย่ามาแบ่งสี อย่ามาเหลืองทั้งแผ่นดิน อย่ามาแดงทั้งแผ่นดิน อย่าเอาชื่อหัวหน้า นปช. มาให้ผม ผมไม่เอา ผมพอแล้ว” นายสุพล กล่าว
ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า สิ่งแรกที่พรรคจะทำคือแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม จะทำให้ จ.อุบลราชธานีออกจากความยากจน เราจึงประกาศตั้งกระทรวงน้ำ ที่ผ่านมาอยู่ได้อย่างไร น้ำไม่มีทำมาหากินไม่ได้ พอน้ำมีก็ท่วม รัฐบาลใช้เงินเป็นแสนล้านบาท แต่น้ำก็ท่วมทุกปี ต่อจากนี้น้ำจะไม่ท่วม จ.อุบลราชธานี ถ้าจะท่วม รอ 3-7 วันก็จะหมด สิ่งที่สอง คือแก้ปัญหาหนี้สิน เราเตรียมเงินไว้ 3 แสนล้านบาท เอาไว้แก้หนี้ แก้ความยากจนให้พี่น้อง เดี๋ยวนายสมคิด ว่าที่นายกฯ จะมาเล่าให้ว่าจะแก้หนี้อย่างไร สิ่งที่สามคือ แก้ปัญหาราคาข้าว ราคามันตกต่ำ เราจะเอาราคาข้าวหอมมะลิเกิน 15,000 บาท และจะกดราคาปุ๋ยให้เหลือครึ่งเดียว ถ้ากดสองอย่างนี้ไม่ได้ จะยากจนทั้งชีวิต และสิ่งที่สี่คือ แก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ที่เห็นบิลแต่ละเดือนเห็นแล้วจะขาดใจตาย
“ลูกพี่ผมชื่อสมคิด ไม่ได้อยากจะมาเป็นนายกฯ เพราะคนมาเป็นจะลำบาก บ้านพัง บันไดพัง หลังคาก็พัง คนไปซ่อมก็ยาก ประเทศไทยพังไปหมดแล้ว แต่นายสมคิดต้องมาเพราะเป็นห่วงพี่น้อง ถ้าผมอายุ 70 ปีก็คงไม่มา และที่ผ่านมาก็ทำงานมาเยอะมาก ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ทั้งโอท็อป จนถึงบัตรคนจน คนอย่างนี้ไม่ได้มาเพราะตำแหน่งหรือเล่นการเมืองเพราะอยากเป็นนายกฯ แต่วันนี้ต้องมาด้วยหน้าที่” นายสนธิรัตน์กล่าว
ที่บริเวณศูนย์เด็กเล็กในวัดลาดพร้าว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิดงานแถลงนโยบายชุดที่สอง สวัสดิการไทยก้าวหน้า ความตอนหนึ่งว่า ชุดนโยบาย สวัสดิการไทยก้าวหน้าเป็น 1 ใน 9 ชุดนโยบายของพรรคก้าวไกล เสมือนจิกซอว์ตัวหนึ่งที่ต้องนำมาต่อกับชิ้นอื่นๆ จึงจะกลายเป็นภาพประเทศไทยก้าวหน้าที่สมบูรณ์ จะขาดชิ้นใดชิ้นหนึ่งไม่ได้ โดยเหตุผลที่เลือกบริเวณศูนย์เด็กเล็กและวัดลาดพร้าวเป็นสถานที่เปิดนโยบายสวัสดิการ เพราะเป็นสัญลักษณ์ของวงจรชีวิตที่คนไทยจำนวนมากมาเริ่มที่นี่และจบที่นี่ เสมือนจุดที่สวัสดิการเริ่มต้นและจุดที่สวัสดิการสิ้นสุด
นายพิธาให้สัมภาษณ์กรณีวงเงินงบประมาณในการจัดทำนโยบายสวัสดิการค่อนข้างสูง เมื่อรวมกับภาระหนี้สินของประเทศในขณะนี้ หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล จะสามารถทำได้เลยหรือไม่ ว่า ภายในปี 2570 งบประมาณทั้งหมด 650,000 ล้านบาท จะมาจากการรีดไขมันจากงบประมาณที่ไม่ได้ใช้ และการจัดกระดูกรัฐที่อาจจะมีภาระซับซ้อนกันหลายที่ โดยเฉพาะที่กระทรวงกลาโหม และจำเป็นที่ต้องมีการจัดเก็บภาษีใหม่ จัดกลุ่มคนที่เป็นคนมั่งคั่ง และการเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บภาษี เราจึงเสนอว่ามีการเก็บภาษีแบบรวมแปลง และเรื่องภาษีความมั่งคั่งที่รวมทรัพย์สินทุกอย่างอยู่ในนั้น.