หลวงปู่พุฒ ยโส วัดคามวาสี สกลนคร – วันอาทิตย์ที่ 7 มี.ค. 2564 น้อมรำลึกครบรอบ 107 ปี ชาตกาล “พระครูพุฒิวราคม” หรือ “หลวงปู่พุฒ ยโส” อดีตเจ้าอาวาสวัดคามวาสี บ้านคำตานา อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เป็นพระเถระที่มีเมตตาธรรมสูง มักน้อยถือสันโดษ
แม้ท่านจะมรณภาพไปนาน แต่ด้วยวัตรปฏิบัติที่เสมอต้นเสมอปลาย หลวงปู่พุฒจึงยังอยู่ในศรัทธาของพุทธศาสนิกชนตราบจนปัจจุบัน
มีนามเดิมว่า พุฒ สิงห์อร เกิดเมื่อวันที่ 7 มี.ค.2457 ที่บ้านเหล่าค้อ ต.ไผ่ใหญ่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา
ครั้นต่อมา ภูมิลำเนาที่อาศัยอยู่เกิด ฝืดเคืองในการทำมาหาเลี้ยงชีพ ประกอบกับได้ยินว่าทาง อ.บ้านหัน (อ.สว่างแดนดินปัจจุบัน) จ.สกลนคร เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร โยมบิดามารดาจึงได้อพยพขึ้นมาอยู่ที่หมู่บ้านตาลโกน ต.ตาลเนิ้ง อ.บ้านหัน
เมื่อเติบโตพอที่จะศึกษาอักษรไทยได้แล้วบิดาส่งเข้ามาเรียนที่โรงเรียนประชาบาลวัดโพธิ์ไชยเจริญ บ้านตาลโกน เรียนจบชั้นประถมศึกษาที่ 4 แต่ไม่ได้ศึกษาต่อ จำต้องช่วยเหลือกิจการงานของพ่อแม่ตามวิสัย
เมื่อเจริญวัยเป็นหนุ่ม ได้ออกจากบ้านกับเพื่อนไปแสวงหางานทำที่จังหวัดอุดรธานี พอถึงฤดูฝนต้องกลับบ้านมาช่วยพ่อแม่ทำนา
พ.ศ. 2479 เกิดความศรัทธาออกบวชในบวรพระพุทธศาสนา เหมือนกับคนชนบททั่วไป
ในที่สุด ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2479 ที่พัทธสีมาวัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม โดยมีพระครูสารภาณมุนี (พระเทพสิทธาจารย์) วัดศรีเทพประดิษฐาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาพรหมา (พระวินัยโศภณ) วัดศรีเทพประดิษฐาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์
กลับมาจำพรรษาที่วัดสุทธาวาส จ.สกลนคร เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม และฝึกหัดข้อวัตรปฏิบัติในสำนักของพระอาจารย์เสาร์
พ.ศ.2481 สอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ. 2482 สามารถสอบนักธรรมชั้นโท และพ.ศ. 2483 สอบนักธรรมชั้นเอก
ในปี พ.ศ.2484 ตั้งใจจะเรียนบาลีไวยากรณ์ต่ออีก โดยมีพระอาจารย์มหาเส็ง ปุสโส (อดีตพระอริยคุณาธาร) เป็นครูสอน
ระหว่างกลางพรรษาในปีนั้น เริ่มอาพาธเป็นไข้หนัก ทำให้การเรียนไม่สะดวก ผลแห่งการเรียนบาลีไวยากรณ์ไปไม่ตลอด ออกพรรษาแล้วอาการอาพาธก็ยังไม่หายเป็นปกติดี
จึงกลับมารักษาตัวอยู่ที่วัดคามวาสี บ้านตาลโกน เมื่อรักษาตัวให้หายเป็นปกติแล้ว ก็กลับไปอยู่วัดสุทธาวาสตามเดิม
พ.ศ.2488 บ้านคำตานา อ.สว่างแดนดิน ซึ่งวัดได้ว่างจากพระภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษา คณะทายกทายิกา จึงได้ประชุมตกลงปรึกษาตกลงกันไปนิมนต์ขอให้ไปอยู่จำพรรษา และเป็นประธานสร้างวัด
ด้วยความเป็นพระป่า จึงได้ร่วมกันออกแสวงหาทำเลที่เหมาะสม เพื่อจะสร้างวัดป่าหาที่สงบ เมื่อเห็นทำเลที่เหมาะสมแล้ว ท่านจึงออกไปอยู่รุกขมูลก่อนและเร่งวัตรปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง
ต่อมา พวกทายกทายิกาในหมู่บ้านจึงได้ทำเสนาสนะให้อยู่จำพรรษาเรื่อยมา เรียกว่า วัดคามวาสี เป็นวัดที่ถาวรถึงในปัจจุบันนี้
หลวงปู่พุฒ เป็นพระที่มีปฏิปทาข้อวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โดยมีคำสั่งสอนตลอดมาว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ของเราไม่ใช่ของเขา เป็นสิ่งสมมติทั้งนั้น” หรือ “ขอให้ทำความดี ชีวิตก็จะดี”
นับตั้งแต่พ.ศ.2497 เป็นต้นมา อยู่จำพรรษาที่วัดคามวาสีและวัดสีสว่างฯ จนถึงกาลอวสานแห่งชีวิต เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2516 เวลา 05.00 น. ที่วัดประสิทธิ์สามัคคี
เหลือทิ้งไว้แต่คุณงามความดีให้ปรากฏ
สุพจน์ สอนสมนึก