ข่าวเด็ด 7 สี – ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบห้องพักแห่งหนึ่ง ในตำบลบางกระเจ้า อำเภอเมืองสมุทรสาคร หลังรับแจ้งมีคนถูกฆ่าในห้องพักดังกล่าว โดยที่เกิดเหตุพบศพชายอายุ 34 ปี แรงงานสัญชาติเมียนมา นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น ส่วนที่คอมีแผลถูกของมีคมปาดเกือบขาด คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง ส่วนในห้องพบข้าวของถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตทำงานอยู่ที่โรงเหล็กแห่งหนึ่ง ที่ตำบลชัยมงคล อำเภอเมืองสมุทรสาคร หลังกลับจากที่ทำงานเมื่อวานนี้ (23 ก.ย.) ก็ไม่เห็นใครออกมาเลย กระทั่งญาติมาที่ห้องในช่วงสายของวันนี้ เปิดประตูเข้าไปในห้องก็เห็นผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดแล้ว ขณะที่พยานซึ่งอยุ่ใกล้เคียง บอกว่า ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ หรือ เห็นเหตุการณ์ ที่สำคัญกล้องวงจรปิดที่ห้องพักก็ไม่สามารถใช้งานได้ แต่น่าจะถูกฆ่าระหว่างที่กำลังนอนหลับ ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากเรื่องส่วนตัว
วัยรุ่นถีบประตูบุกฟันคู่อริมอบตัวแล้ว จ.นนทบุรี
ไปต่อที่จังหวัดนนทบุรี ความคืบหน้ากรณีวัยรุ่น 5 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน ไปถีบประตูบุกเข้าบ้านจะใช้มีดฟันหญิงอายุ 18 ปี แถมยังใช้มีดฟันรถจักรยานยนต์ เสียหาย 3 คัน เหตุเกิดที่บ้านพักหลังหนึ่งในอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเหตุการณ์ทำเอาเจ้าของบ้านหวาดผวา ถึงขั้นจะย้ายบ้านหนี
ล่าสุดผ่านมา 10 วัน กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 5 คนที่ก่อเหตุ เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.บางบัวทองแล้ว โดยหัวโจกของกลุ่มยอมรับว่าบุกไปพังบ้าน และใช้มีดฟันรถจักรยานยนต์จริง แต่ไม่ได้จะฟันลูกสาวเจ้าของบ้านตามที่ถูกกล่าวอ้าง ส่วนชนวนเหตุที่ทำให้บุกไปก่อเหตุถึงบ้านผู้เสียหาย เนื่องจากลูกสาวเจ้าของบ้านโทรมาถามเรื่องขี่รถไล่ทำร้ายรุ่นน้องของเธอ ตนเองจึงยอมรับไปเล่น ๆ ว่าเป็นคนทำ แต่กลับถูกรุ่นน้องฝั่งนั้น ตะโกนด่าว่าเก่งแต่กับเด็ก แถมลูกสาวเจ้าของบ้านก็ยังด่าซ้ำ และโทรมานัดตามจุดต่าง ๆ เพื่อเคลียร์ปัญหา แต่พอไปตามนัดกลับไม่พบ จึงโมโหตามไปก่อเหตุ
เวลาต่อมา เจ้าของบ้านผู้เสียหาย เดินทางมาที่โรงพัก ก่อนจะพูดคุยปรับความเข้าใจกัน ฝั่งวัยรุ่น 5 คนที่ก่อเหตุยอมขอโทษและชดใช้ค่าเสียหาย พร้อมค่าทำขวัญเป็นเงิน 5,000 บาท รวมทั้งจะซ่อมแซมประตูรั้ว และรถจักรยานยนต์ 3 คันที่ได้รับความเสียหาย เจ้าของบ้านจึงถอนแจ้งความ เพราะคนก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นเด็ก แถมยังเรียนอยู่ แต่ยืนยันจะย้ายบ้านหนี เพราะไม่อยากให้เด็ก ๆ ต้องเผชิญหน้ากันอีก
หนุ่มหลอนยาคลุ้มคลั่งจุดไฟเผาบ้าน 2 หลัง อ้างมีคนสั่ง จ.อุดรธานี
ส่วนที่จังหวัดอุดรธานี ตำรวจ สภ.บ้านผือ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง อบต.หนองแวง เข้าระงับเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านพักหลังหนึ่ง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว เพลิงกำลังลุกไหม้เครื่องยนต์รถไถนาเดินตาม ซึ่งวางอยู่ภายในห้องโถง เจ้าหน้าที่ใช้เวลา 10 นาที ก็สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จากนั้นไม่นานก็ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านอีกหลัง ห่างจากจุดแรกไปประมาณ 20 เมตร เพลิงกำลังลุกไหม้โทรทัศน์ในบ้าน เคราะห์ดีที่เพลิงไม่ลุกลามควบคุมไว้ได้ทัน
หญิงอายุ 70 ปี หนึ่งในเจ้าของบ้านบอกว่า คนที่ก่อเหตุคือชายอายุ 34 ปี หลานชาย หลังก่อเหตุได้วิ่งหนีเข้าไปในป่าสวนยางพาราหลังบ้าน ตำรวจจึงตามไปจับกุม เจ้าตัวยอมรับสารภาพ เป็นคนก่อเหตุจุดไฟเผาบ้านทั้งสองหลังจริง โดยก่อนเกิดเหตุได้เสพยาบ้าไป 4 เม็ด และจู่ ๆ ก็มีคนมาสั่งให้ตนเองไปเผาบ้านทั้งสองหลัง เบื้องต้นตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
ระทึก รถรับ-ส่งนักเรียนเบรกค้าง ชนด่านตรวจ เจ็บ 6 คน จ.ปัตตานี
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะรถกระบะรับส่งนักเรียนโรงเรียนสอนศาสนาแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส กำลังจะไปส่งนักเรียนกลับบ้าน ผ่านถนนสายกะพ้อ- สายบุรี โดยจังหวะที่ขับมาถึงด่านตรวจของทหารพรานที่ 4430 คนขับเหยียบเบรก เพื่อจะหักหลบแผงกั้น แต่เบรกเกิดค้าง คุมไม่อยู่ เสียหลักพลิกคว่ำ มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บ 6 คน เจ้าหน้าที่ประจำจึงด่านรีบเข้าไปช่วยเหลือนักเรียนนำส่งโรงพยาบาล
ขณะที่ตำรวจ สภ.กะพ้อ ได้เชิญคนขับไปสอบสวนสาเหตุว่าเกิดจากความประมาทหรือไม่
เร่งช่วยชาวบ้านอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว จ.อุบลราชธานี
ปิดท้ายที่สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ในอำเภอวารินชำราบ มอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้ และเร่งให้ประชาชนอพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 22 เทศบาลเมืองวารินชำราบ และจิตอาสาพระราชทาน ช่วยกันขนย้ายสิ่งของประชาชน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ได้จัดไว้รองรับกว่า 30 จุด พร้อมกันนี้ได้เดินทางไปมอบถุงยังชีพให้ประชาชนที่ศูนย์ช่วยเหลือเฉพาะกิจ ชุมชนเกตุแก้วอีกกว่า 100 คน ที่ได้อพยพไปก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ระบุ ได้สั่งให้สำนักงานชลประทานที่ 7 นำเครื่องผลักดันน้ำไปติดตั้งเพิ่มเติมอีก 30 เครื่อง รวมจำนวนทั้งหมด 170 เครื่อง และเครื่องสูบน้ำขนาดท่อ 30 นิ้ว และ 12 นิ้ว ไปช่วยเหลือตามชุมชนต่าง ๆเตรียมรับมือมรสุมและเพื่อเร่งระบายน้ำมูลลงแม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด รวมทั้งให้แต่ละชุมชนจัดทำทะเบียนรายชื่อผู้อพยพให้ชัดเจน เพื่อหาทางเยียวยาช่วยเหลือ โดยล่าสุดมีประชาชนอพยพมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้ว 9 ชุมชนเกือบ 2,000 คน