พี่สาว ‘ต้าร์ วันเฉลิม’ ให้การเรื่องบังคับหายตัว ‘ดีเอสไอ’ พรุ่งนี้ ชี้แปลกใจที่หน่วยงานไทยเพิ่งมาติดต่อ
จากกรณี น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือต้าร์ ผู้สูญหายในประเทศกัมพูชา พร้อม น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เดินทางเข้ายื่นหลักฐานสำคัญให้อัยการสูงสุด ขอให้สอบสวนกรณีการหายตัวไปของนายวันเฉลิม เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2563 ซึ่งได้ยื่นต่อศาลพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2563 แล้ว เพื่อให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้พนักงานอัยการสอบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าวร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต่อไป โดยมีนายกฤษฎา กสานติกุล รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนรับเรื่องนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 มีนาคม มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (Cross Cultural Foundation) เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (25 มีนาคม) เวลา 09.30 น. น.ส.สิตานันจะเดินทางไปตามหนังสือเชิญไปให้ข้อมูลกับกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ น้องชายถูกบังคับให้หายตัวไปที่ประเทศกัมพูชา เมื่อ 8 เดือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2564 น.ส.สิตานันเปิดเผยว่า ตนได้รับหนังสือลับ ยธ.0807/ล.008 จากกองคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดี ส่งไปรษณีย์ไปยังบ้านเกิดจังหวัดอุบลราชธานี ระบุว่า ศูนย์สอบสวนการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย กองคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ อยู่ระหว่างการสืบสวนกรณี นายวันเฉลิม เรื่องสืบสวนที่ 13/2564 อาศัยอำนาจมาตรา 24 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และแก้ไขเพิ่มเติม จึงขอให้ท่านมาพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 25 มีนาคม เวลา 09.30 น.
อ่านข่าว : พี่สาว”ต้าร์”ยื่นหลักฐานอสส.ให้สอบน้องชายหาย เป็นคดีนอกราชอาณาจักร
ทำให้พรุ่งนี้ (25 มีนาคม) น.ส.สิตานันจะเดินทางไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมกับทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เพื่อให้การ พร้อมยื่นเอกสารและพยานหลักฐานสำคัญที่เคยส่งให้ศาลชั้นต้นแห่งกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2563 และเป็นเอกสารฉบับเดียวกันที่เคยส่งให้กับอัยการสูงสุด วันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.สิตานันระบุว่า รู้สึกแปลกใจที่หน่วยงานของไทยเพิ่งมาติดต่อตน และขอข้อมูลที่ตนค้นหามาได้จากการเดินทางไปประเทศกัมพูชา เนื่องจากไม่เคยได้รับการติดต่อมาก่อน รวมทั้งรับรู้ว่าทั้งอัยการสูงสุดและดีเอสไอไม่ได้สืบสวนสอบสวนคดีการหายตัวไปของน้องชายเลยนับแต่วันเกิดเหตุ
น.ส.สิตานันกล่าวว่า ตอนนี้เป็นเวลากว่า 9 เดือนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับดำเนินการเป็นคดี แต่ก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับทางการในการค้นหาความจริงว่าน้องชายของตนถูกใครลักพาตัวไปด้วยสาเหตุใด และตอนนี้อยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่ในประเทศไทยหรือไม่
“ไม่ว่าคดีจะเกิดนอกราชอาณาจักร หรือมีใครอยู่เบื้องหลังในราชอาณาจักรหรือไม่ หน่วยงานของรัฐบาลไทยก็ต้องรับผิดชอบสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ได้ความจริง เรื่องการบังคับให้สูญหาย หากญาติต้องมาเริ่มเดินเรื่องดำเนินการแบบนี้ โดยรัฐบาลไม่ใส่ใจ ไม่แปลกใจว่าทำไมคดีที่ผ่านมาจึงไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้” น.ส.สิตานันกล่าว