เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2565 ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในจังหวัดอุบลราชธานี นำโดยนายธงศักดิ์ เกิดสุข ผอ.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองเมือง อ.ม่วงสามสิบ ในฐานะประธานชมรมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจังหวัดอุบลราชธานี ยื่นหนังสือผ่านนายศุภภิมิตร เปาริก รองผู้ว่าราชการจังหวัด ถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องขอถ่ายโอนสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจากกระทรวงสาธารณสุข ไปอยู่กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด ก่อนเดินทางที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเข้าพบกับ นายกานต์ กัลป์ตินันท์ นายก อบจ.อุบลราชธานี โดยได้มีการชูป้ายแสดงเจตนารมณ์เรียกร้องขอถ่ายโอนมาสังกัด อบจ.อุบลราชธานี
นายธงศักดิ์ เกิดสุข ประธานชมรมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ตามแผนกระจายอำนาจหน่วยงานท้องถิ่น พ.ศ.2542 กำหนดให้มีการโอนสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลไปอยู่กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งจังหวัดอุบลราชธานี มีหน่วยงานนี้กระจายอยู่ในพื้นที่ตำบลต่างๆ รวม 320 แห่ง และสมัครใจมาอยู่กับ อบจ.จำนวน 120 แห่ง แต่สภา อบจ.อุบลราชธานี อนุมัติงบประมาณรับสถานีอนามัยและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเข้ามาก่อนในปีงบประมาณ 2566 จำนวน 54 แห่ง มีบุคลากรสมัครใจถ่ายโอนมาด้วย 327 ราย
ประธานชมรม รพ.สต.จังหวัดอุบลฯ กล่าวต่อว่า แต่ปรากฏว่า หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขอนุมัติให้ถ่ายโอนมาได้เพียง 9 แห่ง ซึ่งน้อยกว่าที่ผู้สมัครใจต้องการ พร้อมทั้งยังมีการตัดลดงบประมาณจากที่มีการตั้งไว้จากสถานีขนาดใหญ่ กลาง และเล็กลงอีก ในส่วนการตัดลดงบประมาณ เจ้าหน้าที่ที่ต้องการถ่ายโอนเข้าใจได้ เพราะประเทศกำลังประสบกับภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องมีการลดงบประมาณลงมา แต่ในส่วนของการโอนถ่ายที่ไม่เป็นไปตามความสมัครใจ ทำให้เกรงว่าจะเกิดผลกระทบกับการดูแลผู้ป่วยที่ รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลแต่ละแห่งรับผิดชอบอยู่ เพราะปัจจุบันนอกจากมีผู้ป่วยโควิด-19 ยังมีผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวในท้องถิ่นให้ดูแลมากกว่ากำลังคนที่สถานีอนามัยและ รพ.ส่งเสริมสุขภาพมีอยู่
นายธงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตัวเองทำงานอยู่ รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลมานาน 35 ปี กระทรวงสาธารณสุขมีอัตรากำลังให้เพียงแห่งละ 3 คน ทั้งที่ต้องมีไม่ต่ำกว่า 7 คน ทำให้เกิดเป็นภาระงานล้นมือในแต่ละปี ผู้ป่วยตามท้องถิ่นไม่ได้รับการดูแลด้านสุขภาพอย่างเต็มที่ เพราะทางโรงพยาบาลต้องอาศัยกำลัง อสม.เข้าช่วยมาเสริมตลอด แต่หากไปอยู่กับ อบจ.จะสามารถบรรจุเจ้าหน้าที่เข้ามาได้ตามกรอบอัตราที่ตั้งไว้ตามปริมาณคนป่วยที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี จึงต้องการไปอยู่กับ อบจ. เพื่อจะได้ดูแลสุขภาพประชาชนได้อย่างเต็มที่กว่าที่ผ่านมา
ด้าน นายกานต์ กัลป์ตินันท์ นายก อบจ.อุบลราชธานี ที่ลงมาพูดคุยและพบปะกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่มาเรียกร้อง กล่าวถึงการรับถ่ายโอนสถานีอนามัยและ รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล อบจ.มีความพร้อมด้านงบประมาณ สามารถรับโอนมาบริหารจัดการทั้งอัตรากำลังคน และเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์ ได้ตามที่สมัครใจทั้งหมด โดยปีนี้ขอรับโอนมา 54 แห่ง แต่ไม่เข้าใจกระทรวงสาธารณสุขติดขัดอะไร ถึงยอมให้ถ่ายโอนมาเพียง 9 แห่ง ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ต้องการ อบจ.อุบลราชธานีพร้อมสนับสนุนทุกสถานีอนามัยและ รพ.สต. และอยากให้กระทรวงสาธารณสุขโอนมาให้ตามที่ได้ขอไป เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ตามสถานีอนามัยและ รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง.