ตำรวจกองปราบ บุก 5 อู่รถเป้าหมายที่อุบลราชธานี ยึดรถ 72 คันตรวจสอบหลังพบเชื่อมโยงแก๊งต้มตุ๋น ซื้อรถมือสองจากชาวบ้านที่ผ่อนไม่ไหวไปเปลี่ยนสัญญาแล้วขายต่อ อ้างไม่ทำให้เสียประวัติสุดท้ายถูกหลอก
เมื่วันที่ 10 มี.ค.64 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.สอบสวนกลาง พร้อม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ รอง ผกก. 3 บก.ป.ชุดสืบสวนศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจกองบังคับการตำรวจปราบปราม และชุดสืบสวนจังหวัดอุบลราชธานี กระจายกำลังนำหมายศาลจังหวัดอุบลราชธานี ลงวันที่ 10 มี.ค.64 เข้าตรวจสอบอู่ซ่อมรถยนต์ในจังหวัดอุบลราชธานีรวม 5 แห่ง ประกอบด้วย
1.อู่ตวงทองยนต์ ตั้งอยู่เลขที่ 49/10 ถนนวาริน-ศรีสะเกษ ต.คำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พร้อมอายัดรถที่นำมาซ่อมทั้ง 22 คัน แผ่นป้ายทะเบียน 28 แผ่น
2.อู่วิรัตน์ และอู่ P&N อะไหล่ยนต์ ซึ่งเป็นเครือข่ายอู่วิรัตน์ ตั้งอยู่ใกล้กันที่ริม ถ.เมือง-ตาลสุม ต.กุดตลาด อ.เมืองอุบลราชธานี ที่อู่วิรัตน์อายัดรถยนต์ 16 คัน แผ่นป้ายทะเบียน 28 แผ่น เล่มทะเบียนรถยนต์ 63 เล่ม เล่มทะเบียน จยย. 6 เล่ม
3.อู่ P&N อะไหล่ยนต์ ก็อายัดรถยนต์ 25 คัน สมุดคู่มือจดทะเบียน 18 เล่ม แผ่นป้ายทะเบียน 10 หมายเลข แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี 8 แผ่น
4.อู่ช่างจอย ตั้งอยู่เลขที่ 186 บ้านขามใหญ่ หมู่ 1 ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี อายัดรถยนต์ไว้จำนวน 7 คัน
5.อู่นายปองวุฒิ กับนายพุทธรักษ์ นาริวงษ์ สองพี่น้องไม่มีเลขที่ตั้งอยู่ริมถนนชยางกูร ต.ม่วงสามสิบ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี อายัดรถยนต์อีก 2 คัน
รวมมีการอายัดรถทั้ง 5 อู่ ไปตรวจสอบรายละเอียดของตัวรถ รวมทั้งป้ายทะเบียนตรงกับสมุดคู่มือประจำรถที่เจ้าของรถได้ครอบครองไว้ในขณะนี้หรือไม่ จำนวนทั้งสิ้น 72 คัน สมุดคู่มือรถ แผ่นป้ายทะเบียน อีกกว่า 100 รายการ
ทั้งนี้ ก็สืบเนื่องจากที่ นายอภิเดช บำรุงรุ่งเรือง อายุ 45 ปี ชาวบ้านโนนสวรรค์ หมู่ 3 ต.บึงเกลือ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งจับได้ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ข้อหาฉ้อโกงของศาลจังหวัดยโสธร
หลังนำตัวนายอภิเดช หรือหรั่ง มาทำการสอบสวนปากคำพบ นายอภิเดช พบว่ายังมีหมายจับในข้อหาฉ้อโกงในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร ตั้งแต่ปี 2555 มาจนถึงปัจจุบันรวม 24 คดี โดยนายอภิเดช มีพฤติการณ์คือ ออกตระเวนกล่าวอ้างตัวเป็นเจ้าของเต็นท์ขายรถมือสอง พร้อมบอกจะให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ค้างการชำระค่างวดรถ โดยจะขอซื้อดาวน์แล้วเปลี่ยนสัญญานำรถไปขายต่อ เพื่อไม่ให้เจ้าของรถที่ค้างชำระค่างวดรถเสียประวัติ แถมยังมีเงินส่วนต่างเหลือไปใช้จ่ายนิดหน่อยด้วย
ทำให้ชาวบ้านเมื่อได้ทราบดังนั้นจึงพากันหลงเชื่อขายรถให้ไปกว่า 100 ราย แต่หลังจากนั้น ไม่นานก็ถูกไฟแนนซ์ติดตามทวงถามที่ไม่ส่งค่างวดรถ จึงรู้ว่าถูกหลอก เมื่อติดตามเอารถกับนายอภิเดช ก็บอกว่ารถไม่อยู่แล้ว จึงพากันเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายอภิเดช
ภายหลังจากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ทราบว่า นายอภิเดช ได้นำรถที่ได้มาจากผู้เสียหายไปขายต่อในตลาดมืด เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพรถ ก่อนนำส่งไปขายต่อตามที่ต่างๆ จึงได้ตระเวนติดตามหารถที่นายอภิเดชต้มตุ๋นมาจากชาวบ้าน และได้ขอหมายศาลจังหวัดอุบลราชธานี เข้าตรวจค้นตามอู่ต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี และสั่งอายัดรถไว้ตรวจสอบต่อไป.