เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่วัดป่าศรีแสงธรรม บ้านดงดิบ ตำบลห้วยยาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มอบหมายให้นายเมธา รุ่งฤทัยวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในพิธีปิดการฝึกอบรมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” กิจกรรมที่ 1 ฝึกอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล” รุ่นที่ 17 จำนวน 102 คน ณ วัดป่าศรีแสงธรรม บ้านดงดิบ ตำบลห้วยยาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีนายคมกริช ชินชนะ พัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้กล่าวรายงานสรุปผลการดำเนินงาน พร้อมด้วย พัฒนาการอำเภอ เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน ทีมวิทยากรและผู้นำชุมชนในพื้นที่ เข้าร่วมพิธีฯ และสนับสนุนการดำเนินงาน ทั้งนี้ ได้รับความเมตตาจากพระครูวิมลปัญญาคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีแสงธรรม ที่ให้ความอนุเคราะห์สถานที่ในการฝึกอบรมจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ตลอดจนร่วมสนับสนุนการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตลอดมา ตามหลัก “บวร” หรือบ้าน วัด ราชการ
โอกาสนี้ ประธานในพิธีฯ ได้กล่าวกับผู้ผ่านการฝึกอบรมว่า “การดำเนินโครงการที่ผ่านไปนั้น ถือเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมหาศาล เนื่องจากเป็นการน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ว่าจะต้องทำอะไรไม่ให้เกินตัว มีเหตุผล พอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน ภายใต้เงื่อนไข ความรู้เเละคุณธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์นั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกท่านพึงมี เพราะถือว่าเป็นหลักสำคัญในการประกอบอาชีพ ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไรก็ตาม การยึดหลักคุณธรรม หลักจริยธรรม หลักความซื่อสัตย์ จะส่งผลทำให้มีความเจริญในอาชีพ ในส่วนของการฝึกอบรมครั้งนี้ เน้นเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ก่อให้เกิดประสบการณ์จริง สามารถเป็นประโยชน์ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อท่านผ่านการอบรมฯ ไปแล้ว ขอให้นำเอาความรู้ที่ได้ไปพัฒนาพื้นที่และร่วมขับเคลื่อนเป็นศูนย์เรียนรู้หลักเศรษฐกิจพอเพียงตามหลักทฤษฎีใหม่ในรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล ซึ่งท่านต้องสามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้อย่างเป็นรูปธรรม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ท้องถิ่นชุมชนของท่านและเป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศชาติด้วย นอกจากนั้นโครงการนี้ ยังมุ่งเน้นถึงบริหารพื้นที่เเละสร้างองค์ความรู้ เพื่อทำให้เป็นแบบอย่างหรือศูนย์เรียนรู้ เกิดการลดรายจ่าย ทำให้เกิดรายได้ มีการออม ทำให้เศรษฐกิจครัวเรือนดีขึ้น เป็นพื้นฐานสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ขอฝากให้ทุกท่านได้จัดทำบัญชีครัวเรือน เพราะเป็นประโยชน์ในการวางแผนการใช้จ่ายของท่าน ทำให้ทราบว่ารายได้ท่านมาจากไหนบ้าง รายจ่ายท่านจ่ายไปในรูปแบบไหนบ้าง เป็นการวางแผนลดรายจ่าย เพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง ขออวยพรให้ทุกท่านโชคดีและมีความสุข” ประธานในพิธีฯ กล่าวก่อนปิดการฝึกอบรม
จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับการอนุมัติงบประมาณดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” กิจกรรมที่ 1 ฝึกอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์สู่การปฏิบัติในรูปแบบโคก หนอง นา โมเดล ให้สามารถเป็นแกนนำขับเคลื่อนการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่การปฏิบัติในรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล ดำเนินการ 48 รุ่นๆ ละ 5 วัน กลุ่มเป้าหมายเข้ารับการอบรม 4,790 คน ประกอบด้วยครัวเรือนพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตครัวเรือนละ 1 คน และนักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ จำนวน 898 คน ระยะเวลาดำเนินการระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 4 มิถุนายน พ.ศ. 2564 จุดดำเนินการ 5 แห่ง ดังนี้ 1)ศูนย์พุทธธรรมพรหมวชิรญาณ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ตำบลหัวดอน อำเภอเขื่องใน จำนวน 16 รุ่น 2)วัดป่าศรีแสงธรรม ตำบลห้วยยาง อำเภอโขงเจียม จำนวน 11 รุ่น 3)ศูนย์ฝึกอบรมวัดภูอานนท์ ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จำนวน 11 รุ่น 4)ศูนย์เรียนรู้ทุนชุมชนสารภีท่าช้าง ตำบลท่าช้าง อำเภอสว่างวีระวงศ์ จำนวน 5 รุ่น และ 5)ชุมชนต้นแบบหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงบ้านดอนหมู ตำบลขามเปี้ย อำเภอตระการพืชผล จำนวน 5 รุ่น การฝึกอบรมฯ รุ่นที่ 17-20 ได้ดำเนินการพร้อมกันระหว่างวันที่ 1-5 มีนาคม 2564
สำหรับการฝึกอบรมฯ รุ่นที่ 17 ระหว่างวันที่ 1-5 มีนาคม 2564 ณ วัดป่าศรีแสงธรรม ท่ีผ่านมา มีฐานการเรียนรู้ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ จำนวน 10 ฐาน ประกอบด้วย 1)ฐานคนมีไฟ 2)ฐานคนมีน้ำยา 3)ฐานคนเอาถ่าน 4)ฐานรักษ์แม่ธรณี 5)ฐานรักษ์แม่โพสพ 6)ฐานคนรักษ์สุขภาพ 7)ฐานคนรักษ์ดิน 8)ฐานคนรักษ์ป่า 9)ฐานคนรักษ์น้ำ และ 10)ฐานคันนาทองคำ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายที่เข้ารับการอบรมจำนวน 102 คน จากอำเภอศรีเมืองใหม่ อำเภอเขมราฐ อำเภอโขงเจียม และอำเภอโพธิ์ไทร โดยได้รับการสนับสนุนวิทยากรที่ผ่านการอบรมจากศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ และทีม SAVEUBON ร่วมกับวิทยากรจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอ ทั้งนี้ ได้ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังโรคไวรัส COVID-19 อย่างเคร่งครัด จนสามารถดำเนินโครงการฯ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี