จากกรณีเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2564 คณะกรรมการป้องกัน และปรามปรามการทุจริต ในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่มีนายประสาท พงษ์ศิวาภัย เป็นประธานคณะกรรมการ ได้ชี้มูลความผิด นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 โดยมีมติให้ออกจากราชการ กรณีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติ รวม 6 คน ได้เข้ารื้อถอนเผาทำลายสิ่งปลูกสร้าง ของนายโคอิ หรือคออี้ มีมิ ชาวกะหร่าง บ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน และของชาวบ้านอีกหลายรายนั้น
เมื่อเวลา13.30น.วันที่ 26 ก.พ.2564 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สบอ.9อุบลราชธานี เผยด้วยน้ำเสียงที่กล้ำกลืนว่า จากที่สื่อมวลชนได้โทรหา ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้รับสาย ผมได้อ่านจากสื่อตีพิมพ์/โทรทัศน์ จับใจความได้ว่า ป.ป.ท. มีการให้ข่าวชี้มูลว่า ให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ออกราชการ มีความผิดเผาบ้านปู่คออี้ และให้อัยการฟ้องคดีอาญา
ผมเป็นข้าราชการ ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ มาหลายคดี ทุกคดีเราให้ความเป็นธรรม และ ต้องสามารถตอบข้อสักถาม ต่อพนักงานสอบสวน และศาลได้ว่า แต่ละคดีมีที่มาที่ไปอย่างไร จุดเกิดเหตุพิกัดอยู่ที่ไหน ลักษณะโดยรอบ รวมถึงสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไร และความเสียหายมีขอบเขตเท่าใด
เพราะการกล่าวหาดำเนินคดีใครสักคน เราต้องมีความเป็นธรรม เป็นกลาง และที่สำคัญ จนท. ต้องเข้าไปที่จุดเกิดเหตุ จะได้เห็นพยานแวดล้อม ทั้งหมดเสียก่อน จึงจะทำหน้าที่ข้าราชการที่ดีได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
59 กะหร่างบางกลอย ยังดื้อไม่ออกจากป่า ยื่นข้อเสนอ7ข้อ
หลักการทั่วไปที่ต้องปฏิบัติ ของเจ้าหน้าที่ ที่เป็นพนักงานสืบสวน สอบสวน ที่ต้องทำ คือ ต้องมีพิกัดจุดเกิดเหตุ และต้องพิสูจน์ว่าตรงตามแผนที่หรือไม่ ต้องพิสูจน์ทราบตามพิกัด ว่าตรงและจริง ตามฟ้องหรือไม่ จนท.ต้องลงจุดเกิดเหตุ และได้ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเอง ใช่หรือไม่ เปรียบเทียบภาพประกอบ ที่แนบตามฟ้องว่า มุมกล้องในภาพ ตรงกับจุดเกิดเหตุจริงหรือไม่
ฝากถาม จนท.ป.ป.ท. และพนักงานสอบสวนว่า ได้นำสืบหาพยานหลักฐาน ตามข้อมูลพื้นฐาน นี่หรือยัง จนถึงวันนี้แล้วยังไม่มีใครเลย แม้กระทั่งจนท.ป.ป.ท. ก็ไม่เคยเข้าไปที่จุดเกิดเหตุ สักคนเดียว
“ทั้งที่ผมปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่มีการเผาบ้านปู่คออี้ ตามฟ้องแต่อย่างใด และยังร้องขอท้ายบันทึกวันที่ จนท.ป.ป.ท. สอบสวน ว่าขอให้ จนท.ป.ป.ท. ไปดูจุดเกิดเหตุ ว่ามีจริงหรือไม่ และ อยู่ตรงไหน ขออย่าเชื่อเพียงกระดาษที่ผู้ฟ้อง เอามาให้ดูอย่างเดียว โดยในการสอบสวน ใช้วิธีการนั่งสอบสวน สอบปากคำพยานบุคคล และ เชื่อข้อมูลในกระดาษ นี่หรือ คือ “.ความเป็นธรรม ”
หมายเหตุ : มีเจตนาพิเศษอะไรหรือเปล่า ฝากเรียน ผู้ที่เกี่ยวข้อง ยังมีเวลาอีกสามเดือน ยังพอที่จะชี้มูลให้ผม ออกจากราชการได้ วันนี้ ขอใช้โอกาสนี้ ขอ ฮ. ของกระทรวงทรัพย์ฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่ ที่เป็นปัญหาอยู่ที่โป่งลึกบางกลอย กับพื้นที่ ที่ชาวบ้านพยายามขึ้นไป แถว บางกลอยบน อาศัย ฮ.ลงไปที่ ที่ผู้ฟ้องอ้างว่ามีการเผา ลงไปดูก่อนว่า มีจริงหรือไม่ แล้วกลับมีพิจารณาอีกที ผมว่ายังมีเวลา ไม่ต้องรีบหรอกครับ เดี๋ยวจะเสียเรื่องจริยธรรม คุณธรรม
ขณะเดียวกัน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้ส่งเอกสารคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหน่อแอะ มีมิ ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์. 2559หน้า 11 ให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งมีเนื้อความว่า
การบุกรุกแผ้วถาง แปลงพิพาทที่เกิดเหตุ ในกรณีนี้ ซึ่งไม่ได้กระทำในพื้นที่ บริเวณที่เป็นที่ตั้ง ของชุมชนชาวกะเหรี่ยง บ้านบางกลอย หมู่ที่ 1 หรือบ้านโป่งลึก หมู่ที่ 2 ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และไม่ใช่แปลงที่ดินทำกิน ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ทางราชการจัดสรรให้ทำกิน
รวมทั้งไม่ใช่พื้นที่ ที่เป็นชุมชนดั้งเดิมของชาวกะเหรี่ยง จึงเป็นการบุกรุกแผ้วถาง เพื่อยึดถือครอบครองทำกิน ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ อีกทั้งการที่บุกรุกแผ้วถางได้ทำการก่อสร้างเพิงพัก หรือที่อยู่อาศัยหรือยุ้งฉางข้าว บนที่ดินดังกล่าว ย่อมเป็นการก่นสร้างสิ่งปลูกสร้างในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ นอกจากนี้ ยังมีการล่าสัตว์ป่า ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 16 (1) (2) และ (3) แห่ง พรบ.อุทยานแห่งชาติ 2504”
ส่วนคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหน่อแอะ มีมิ มีเนื้อความว่า คณะเจ้าหน้าที่จึงย่อมมีอำนาจ ที่จะทำการรื้อถอนหรือเผาทำลาย และโดยในสภาพพื้นที่เป็นป่าลึกในลักษณะดังกล่าว การื้อถอนให้คงเหลือวัสดุก่อสร้างไว้ที่เดิม ย่อมทำให้ผู้กระทำผิด นำไปใช้ในการก่นสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่ได้ การรื้อถอนจึงย่อมจะไม่มีผล ทำให้การป้องกัน และปราบปราม การบุกรุกแผ้วถางป่าบรรลุผลไปได้
ดังนั้น “การที่คณะเจ้าหน้าที่ ทำการเผาสิ่งปลูกสร้างเช่นว่าวันนั้น จึงเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องเหมาะสม ตามควรแก่กรณีแล้ว” เฉพาะความเสียหายที่เกิดจากเพิงพัก หรือสิ่งปลูกสร้าง และยุ้งฉางข้าวที่ถูกเผา ดังกล่าว ถือว่าเป็นการใช้อำนาจโดยชอบ ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม ม.22 แห่ง พรบ.อุทยานแห่งชาติ 2504
ท้ายสุด ผอ.คนดัง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร วีรบุรุษแห่งพงไพร กล่าวด้วยน้ำเสียง เหมือนกลั้นความรู้สึก ว่า “ ถ้าผมมีอันเป็นไป ผมไม่เสียใจ ผมกำไร เพราะผมเอาผืนป่ากลับมาได้4-5แสนไร่”
ข่าวโดย..วุฒิเดช ก้อนทองคำ คมชัดลึกภาคตะวันตก