ภูมิภาค
ชนสนั่น! กระบะประสานงา ดับ 2 ศพ เจ็บอีก 3 ราย
วันพฤหัสบดี ที่ 03 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565, 20.34 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
วันที่ 3 ก.พ.65 เวลา 13.10 น. ศูนย์วิทยุสมาคมกู้ภัยทิวาเขมราฐ รับแจ้งจากศูนย์สั่งการ เหตุรถกระบะชนกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตติดภายใน ที่บริเวณทางโค้งบ้านพนมดี ต.หนองผือ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครกู้ภัยทิวาเขมราฐ ได้รุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ford ranger 4 ประตู สีบรอนซ์ และ รถยนต์กระบะ mazda BT50 สีบรอนซ์ (ไม่ขอเปิดเผยหมายเลขทะเบียน) ชนประสานงาด้านฝั่งคนขับพังยับ ตรวจสอบพบผู้บาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งเป็นผู้โดยสารมากับรถยนต์ ford ranger 4 ประตู ผู้บาดเจ็บรายแรกเป็นชายชาวต่างประเทศซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นประเทศนอร์เวย์ มีแผลถลอกตามร่างกายบาดเจ็บเล็กน้อย รายที่ 2 เป็นหญิง (ชาวไทย) และเป็นภรรยาของผู้ขับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย รายที่ 3 เป็นหญิง (ชาวไทย) เป็นภรรยาของเพื่อนผู้ขับขี่ชาวต่างประเทศ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่กู้ชีพ 1669 หนองผือ ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนเคลื่อนนำส่ง รพ. ปทุมราชวงศา
ส่วนผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้ขับรถยนต์ทั้ง 2 ราย รายแรกเป้นผู้ขับรถยนต์ 4 ประตู ford ranger เป็นชาวต่างชาติ (ประเทศนอร์เวย์) และ อีกรายเป็นผู้ขับกระบะ mazda BT 50 (ชาวไทย) ติดภายในรถ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา ก่อนที่แพทย์เวรชันสูตรพลิกศพที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยทิวาเขมราฐ รับคำสั่งพนักงานสอบสวน สภ.เขมราฐ จ.อุบลฯ เจ้าของคดี ให้เคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตไปยังโรงพยาบาลเขมราฐ เพื่อรอรับการประสานจากญาติ และ ต่อมา ทราบชื่อผู้เสียชีวิต รายที่ 1 นายริมโขง รักไทย อายุ 50 ปี ที่อยู่ บ้านนิคม หมู่ 5 ต.คำโพน อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ (ขับรถยนต์กระบะ mazda bt-50) และ รายที่ 2 Mr.ไอร์นอร วอเตอร์นิคุไลเซ็น ที่อยู่ 319 หมู่.1 ต.ห้วย อ.ปทุมราชวงศา จ.ออำนาจเจริญ (ผู้ขับรถยนต์ ford ranger4 ประตู) ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ อยู่ในระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้เป็นเจ้าของคดี ซึ่งคงต้องรอให้ญาติผู้เสียชีวิตคลายจากความโศกเศร้าเสียใจ จึงจะทำการสอบปากคำผู้บาดเจ็บและผู้ที่เห็นเหตุการณ์เพิ่มเติม เพื่อจะได้ทราบถึงรายละเอียดที่แท้จริง ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุอันเศร้าสลดในครั้งนี้
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่